267 Books
See allนิยายอิงประวัติศาสตร์ คาบสมุทรเกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ชีวิตในบ้านที่เหมือนอยู่ท่ามกลางค่ายทหาร โดนสอดส่อง เรียกให้รายงานตัว ปล้นทรัพย์สินไปช่วยกองทัพยามสงครามในนามของการเสียสละเพื่อจักรพรรดิ นิยายเล่าผ่านมุมมองของเด็กหญิงชายวัย 10 กว่าขวบ ลูกของชนชั้นมีการศึกษา น้ำเสียงเลยดูซอฟต์ ความลำบากเป็นเรื่องจริงสำหรับพวกเขา แต่ความโหดร้ายถูกเล่าแบบเป็นเรื่องไกลตัว (ได้ยินมาว่า... บลาๆๆ)
บางคนเลยมองว่าเล่มนี้โลกสวยไปหน่อย มองอเมริกาดีงามเกินจริง สร้างบทบาทชาติตะวันตกในฐานะผู้มาช่วยปลอดปล่อยคนเกาหลีจากความโหดร้ายของญี่ปุ่น โดยเล่าแบบอ้อมแอ้มว่ามีระเบิดสองลูกที่ญี่ปุ่นทำให้จบสงคราม
ถึงจะถูกวิจารณ์เรื่องความสมจริง (ทั้งที่ผู้เขียนทำการบ้านเรื่องประวัติศาสตร์มาเยอะ) แต่เป็นหนังสือที่ดีที่ใช้ตั้งคำถามกับความเป็นชาติในเจเนอเรชันที่เกิดมาก็โตใต้การปกครองของญี่ปุ่นไปแล้ว “ฉันจะเขียนความคิดคนเกาหลี ลงไปด้วยภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่?”
อ่านเล่มนี้ในปี 2018 ก็คงจะช้าและเชยไปหน่อยสำหรับนักเรียนสายสื่อ (เล่มนี้เป็นผลงานคลาสสิกที่พิมพ์ตั้งแต่ 1960s) แต่เราก็รู้สึกบันเทิงและอ่านรวดเดียวจบ เพราะมันประกอบด้วยตัวอักษรนิดหน่อยสลับภาพประกอบ ที่เป็นลูกเล่นต่างๆ (ตามคอนเซปต์หนังสือ) ถึงจะเชยแต่ก็ทำให้คิดทบทวนการงานของตัวเองอยู่เหมือนกัน
Yona Ko สาวเกาหลีลูกจ้างบริษัทท่องเที่ยวเชิงหายนะทัศนา ได้รับข้อเสนอจากบริษัทให้ไปทริปนึง เป็นการลาพักร้อนและทริปธุรกิจไปในต้วหลังเธอเจอแรงกดดันจากเจ้านาย ปรากฏว่าทริปสุดห่วยนั้นกลายเป็นโหมโรงของหายนะที่เพิ่งกำลังจะถูกสร้างขนานแท้ของเกาะ Mui ในเวียดนาม (น่าจะเป็นสถานที่สมมติ) วิทยาศาสตร์ของมหันตภัยทางธรรมชาติและจำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณถูกคำนวณมาเสร็จสรรพเพื่อตอบสนองธุรกิจท่องเที่ยวของนายทุนหน้าเลือด สิ่งที่ Yona Ko ต้องตัดสินใจ คือ เธอจะร่วมมาอยู่ในแผนการด้วยหรือไม่ เพื่ออนาคตทางการงานที่ดีกว่าเดิมซึ่งรออยู่ในเกาหลี ถ้าสิ่งที่เธอทำไม่ใช่การฆ่าคนโดยตรง แค่เพียงรู้เห็นว่ามีแผนการที่จะทำให้คนจำนวนมากต้องตายจริง เพื่อแลกกับแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ?
คู่ชายหญิงทำงานในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แบ่งเป็นอาคารติดๆ กัน (คงเป็นอารมณ์ฟอร์จูน พันทิพย์) นางเอกทำงานเป็นผู้ช่วยช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า พระเอกเป็นลูกมือช่างเชื่อม ความแฟนตาซีของเรื่องที่ดูเรียลลิสติกนี้คือ คนทุกคนจะมีโอกาสประสบเหตุการณ์ที่เงาของตัวเองมีชีวิตขึ้นมา แรกเริ่มจะรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็อยากตามมันไป แล้วมันจะเริ่มมีชีวิตกลืนกินตัวจริงไปเรื่อยๆ จนตาย นึกแล้วก็เหมือนอาการป่วยไข้ทางจิต ที่ถูกหยิบมาเล่าในบริบทสังคมแบ่งชนชั้นแบบหนังเรื่องปรสิต อ่านเพลินๆ แปลอังกฤษแบบใช้ภาษาง่ายดี ลื่นไหล (อ่านรีวิวเต็มๆ ที่ https://koreanlit.home.blog/2020/03/14/one-hundred-shadows-book-review/)
ดูเนิร์ดดี ไม่ถึงกับสนุก เพราะเน้นการบรรยายสภาพสังคมสมมติของโลกแบน เริ่มมาเข้มข้นตรงช่วงกลางเล่ม ถ้าชอบเรื่องฟิสิกส์หรือมิติต่างๆ อาจจะอินขึ้นมาหน่อย อ่านรีวิวเต็มได้ที่ https://themomentum.co/flatland-book-review/